สิวบริเวณคางและตามแนวกราม
หนึ่งในจุดที่พบสิวบ่อยบนใบหน้า คือ บริเวณทีโซน ที่เริ่มจากหน้าผากลงมาที่จมูกจนถึงคาง ซึ่งโดยปกติจะเป็นบริเวณที่มีความมัน สิวสามารถก่อตัวขึ้นได้ โดยเฉพาะบริเวณคาง รวมถึงตามแนวกราม
ลักษณะสิวบริเวณคางและกราม ไม่เหมือนกับสิวที่อื่น ๆ บนใบหน้า สิวที่ผุดขึ้นตามคางหรือแนวกราม มักจะเป็นตุ่มแข็งไม่ใช่สิวที่มีหนองทั่วไป สิวบริเวณนี้รักษายาก เนื่องจากจะมีขนาดใหญ่และรุนแรง กินระยะเวลา 1-2 สัปดาห์ และมักจะทิ้งรอยแผลเป็นสีแดงคล้ำ
สาเหตุของการเกิดสิวบริเวณคางและแนวกราม เช่นเดียวกับการเกิดสิวบริเวณอื่น
1. ฮอร์โมน ผู้หญิงมีแนวโน้มที่จะเป็นสิวตามแนวกรามหรือคางมากกว่าผู้ชาย สิวเหล่านี้มักเกิดจากการเพิ่มขึ้นของฮอร์โมนเพศชายที่กระตุ้นต่อมน้ำมัน ผู้หญิงบางคนสังเกตเห็นสิวมากขึ้นในช่วงเวลาที่มีการเปลี่ยนแปลงของระดับฮอร์โมน
2. ในผู้ชายการโกนหนวด บางครั้งอาจทำให้เกิดสิวได้ การโกนด้วยมีดโกนที่สกปรกจะทำให้แบคทีเรียเข้าสู่ผิวหนังและครีมโกนหนวดหรือน้ำมันบางชนิดอาจอุดตันรูขุมขนได้ บางครั้งการโกนอาจทำให้ผิวบอบบางระคายเคืองทำให้เกิดสิวได้
3. การระคายเคืองจากเสื้อผ้าหรือเครื่องสำอางอาจทำให้เกิดสิวบริเวณกรามได้
4. พฤติกรรมบางอย่างอาจทำให้สิวบริเวณคางและกรามรุนแรงขึ้นได้ เช่น การท้าวคาง สิ่งสกปรกและเชื้อโรคจากมือถ่ายเทไปยังใบหน้า รวมทั้ง ความอบอุ่นของมือ เป็นสภาพแวดล้อมที่เหมาะสำหรับการเติบโตของแบคทีเรีย
5. การสวมหมวกกันน็อคที่มีสายรัดแน่นเกินไป ก็สามารถทำให้ผิวแย่ลงและนำไปสู่สิวเรื้อรังได้



เคล็ดลับการป้องกันสิวที่คางและส่วนอื่น ๆ ของใบหน้า
1. ล้างหน้าด้วยคลีนเซอร์สูตรอ่อนโยนวันละสองครั้ง ล้างออกด้วยน้ำอุ่นแล้วซับให้แห้ง อย่าขัดผิว การถูอาจทำให้สิวแย่ลง ใช้น้ำยาทำความสะอาดที่มีกรดซาลิไซลิก ซึ่งจะช่วยสลายพันธะที่ยึดเซลล์ผิวที่ตายแล้วเข้าด้วยกันและแทนที่จะล้างหน้าก่อนให้เริ่มจากคอ ถูวนเป็นวงกลม จากคอขึ้นไปตามแนวกราม คางและจบด้วยใบหน้า
2. วางมือให้ห่างจากใบหน้า ทุกครั้งที่มือสัมผัสใบหน้า แบคทีเรียและสิ่งสกปรกสามารถเข้าไปในรูขุมขนได้ หากหลีกเลี่ยงไม่ได้ ควรล้างมือก่อน
3. หลีกเลี่ยงหมวกกันน็อกที่มีสายรัดคางแน่น หากต้องสวมหมวกนิรภัยให้ล้างหน้าหลังจากนั้น
4. ระมัดระวังเมื่อโกนหนวด เมื่อใช้มีดโกน เพื่อความปลอดภัยให้ใช้โลชั่นโกนหนวดที่อ่อนโยนหรือสบู่และน้ำก่อนเพื่อป้องกันการเสียดสี
5. ใช้เครื่องสำอาง น้ำยาทำความสะอาดและผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ที่ระบุว่า “noncomedogenic” ซึ่งหมายความว่าจะไม่ก่อให้เกิดสิว
6. อย่าใช้ผลิตภัณฑ์ที่ทำให้ผิวระคายเคือง ผลิตภัณฑ์ระคายเคืองนั้นมักมีส่วนผสม เช่น แอลกอฮอล์ ซึ่งอาจเคลมว่า เป็นยาสมานแผลหรือสารขัดผิว
7. อย่าแคะหรือจิ้มสิว เนื่องจากเชื้อโรคและสิ่งสกปรกที่มือ เข้าสู่ผิวหนังนำไปสู่การติดเชื้อ ซึ่งจะใช้เวลานานกว่าในการรักษา และอาจเป็นแผลเป็นได้
8. สำหรับสิวที่รุนแรงขึ้น หรือทายารักษาสิวที่ไม่ต้องสั่งโดยแพทย์ไม่ได้ผล ควรให้ไปพบแพทย์ผิวหนัง
การปฏิบัติตัวและการดูแลรักษาอย่างถูกต้อง สามารถป้องกันไม่ให้สิวกลายเป็นแผลเป็นได้
ด้วยความปรารถนาดีจาก Rinne
อ้างอิง